ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม


วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม


วัดราชประดิษฐ หรือ ที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แต่เดิมบริเวณวัดเคยเป็นที่ตั้งของสวนกาแฟ รัชกาลที่ 4 ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อซื้อที่ดิน 1098 บาท เพื่อซื้อที่ดิน เป็นราคาตารางวาละ 1 บาท ประมาณ 2 ไร่ 298 ตารางวา ดังที่พลโทดำเนิน เลขะกุลได้บันทึกไว้ว่า
            " กล่าวกันว่า เพื่อให้ขาวสะอาดจริงๆ การซื้อขายจ่ายเงินค่าสวนกาแฟระหว่างพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับกรมพระนครบาลสมัยนั้น ได้กระทำต่อหน้าเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ สมุหพระกลาโหมทีเดียว มิได้ทำงุบงิบ หลบๆ ซ่อนๆ ประการใด เงินนที่ซื้อที่ดินก็เป็นเงินส่วนพระองค์ มิได้ใช้เงินแผ่นดินเลย "
                      (ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจากหนังสือ ราชประดิษฐ พิพิธทรรศนานะครับบบบบ ^^)
   วัดราชประดิษฐเป็นวัดเล็กๆที่เขตพุทธาวาสมีสิ่งก่อสร้างหลักเพียงพระวิหารและพระเจดีย์
"การที่ปลูกสร้างทุกสิ่งทุกอย่างทรงกะเองหมดทั้งนั้น เสดจทอดพระเนตรการเสมอทุกวันมิได้ขาด จนการก่อสร้างล่วงไปได้เป็นอันมากยังอยู่แต่การช่าง ถึงดังนั้นก็ได้ทรงกะแล้วทุกอย่าง คือ บานหน้าต่างข้างนอกโปรดลายสลักบานประตูวัดสุทัศน์ หลังบานโปรดลายญี่ปุ่นวัดนางชี ท่านก็ทรงสั่งพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (จ๋อง) ให้ทำมา ลายดาวเพดานโปรดอย่างวัดราชประดิษฐโบราณ และวัดสุวรรณดาราราม แต่ดาวอย่างวัดสุวรรณฯ รับสั่งว่าเปนเกือกพวงไป ทรงแก้ไขใหม่ให้เปนอย่างที่ติดอยู่วัดราชประดิษฐเดี๋ยวนี้ ลายเขียนผนังทรงพระราชดำริเอง เปนเทพชุมนุม ซึ่งเทวดามีรัศมีเปน พวกๆครั้งแรก ซึ่งวัดอื่นเอาอย่าง ดังนั้น การอันใดได้ทรงพระราชดำริตลอดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่สักสิ่งเดียว เมื่อใกล้สวรรคตฉันเจ็บตาเสีย ไปเฝ้าไม่ได้จึงประทานพระกระเเสไว้แก่กรมขุนวรจักร์ธรานุภาพทุกสิ่งทุกอย่าง...  เพราะถือว่าเปนวัดของทูลกระหม่อมโปรดยิ่งกว่าวัดอื่นๆ จะขอฉลองพระเดชพระคุณเองให้ตลอดเสมอไป"
   พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว



บานประตูวัดทำจากไม้จำหลักนูนสูงรูปทวารบาลอย่างจีนผสมเครื่องแต่งกายแบบไทย หรือที่เรียกว่า "เซี่ยวกาง" ระบายสีโทนสีฟ้า ในท่ากำลังลูบเคราและอีกมือหนึ่งกำลังรำตรีศูล (สามง่าม) อยู่บนหลังสิงโต ด้านบนเป็นดอกไม้ร่วง ก้อนเมฆ นกบิน และค้างคาว การแกะสลักรูปทวารบาลหรือลวดลายประดับนูนสูง ระบายสีเป็นแบบอย่างของบานประตูแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๔ จนถึง รัชกาลที่ ๕ เช่น บานประตูวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามที่แกะสลักเป็นลายทหาร

ตุ๊กตาศิลาจีน ทวารบาลเฝ้าประตูทางเข้าวัดราชประดิษฐด้านทิศเหนือ สลักจากศิลาสีเทา


ความพิเศษของตุ๊กตาจีนของวัดราชประดิษฐอยู่ที่รูปศิลาสลัก "โป๊ยเซียน" 
อันเรียงรายอยู่ด้านหน้าฐานไพทีทางทิศเหนือ 
มีครบทั้ง 8 เซียน  ไม่เหมือนพระอารามอื่นใด ในรูปคือ หานเซียงจื่อ


ปาสาณเจดีย์


         
            ปาสาณเจดีย์เป็นพระเจดีย์ทรงลังกาก่ออิฐถือปูนตามแบบพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระเจดีย์เมื่อ พุทธศักราช ๒๔๑๐ ปาสาณเจดีย์ตั้งบนฐานไพที ๒ ชั้น ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วประดับหินอ่อนขัดด้านสีเทา-ขาวไม่สม่ำเสมอกัน มีบันไดอัฒจันทร์ขึ้นทางทิศเหนือและทิศใต้ โดยตอนสร้างได้ใช้ไหกระเทียมและชามกระเบื้องต่างๆในถมพื้นสูงขึ้นแทนกระใช้ทรายธรรมดา เพื่อป้องกันพระเจดีย์ทรุด



     ปาสาณเจดีย์ อันมีความหมายว่า เจดีย์ศิลาอันปรากฎในมหาปรินิพพานสูตร กล่าวถึงพระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้าง ปาสาณเจดีย์ เหนือห้องที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในเมืองราชคฤห์ซึ่งพระเจ้าอชาตศัตรูและพระมหากัสสปะสร้างไว้หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน แสดงให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำชื่อและดำเนินจามแบบอย่างการสร้างเจดีย์ศิลาของพระเจ้าอโศกมหาราชมาใช้กับปาสาณเจดีย์วัดราชประดิษฐ


ปาสาณเจดีย์และหลักสีมากั้นเขตพุทธาวาส-สังฆาวาส


พระวิหารหลวง

     
     พระวิหารหลวงที่ใช้เป็นอุโบสถของวัดด้วยนั้น เป็นพระวิหารขนาด ๗ ห้อง หันหน้าทางทิศเหนือ หลังคาลดซ้อนกัน ๒ ชั้นและมีตับหลังคาซ้อนกัน ๓ ชั้น มุงหลังคากระเบื้องกาบูเคลือบสีส้มอมน้ำตาลประกอบกระเบื้อเชิงชาย เป็นการรื้อฟื้นแบบอย่างกระเบื้องมุงหลังคาแบบพระอารามในสมัยอยุธยาขึ้นใหม่ ดังวัดบรมพุธารามในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา เช่นเดียวกับเครื่องลำยองก็เป็นแบบไทยประเพณี มุขโถงทั้งด้านหน้าและด้านหลังประดับรวงผึ้ง เสารับมุขโถงเป็นเสาเหลี่ยมเพิ่มมุม หัวเสาเป็นบัวจงกลผนังพระวิหารประดับหินอ่อนสีเทาขาว สีไม่สม่ำเสมอกันเช่นเดียวกับปาสาณเจดีย์  




ซุ้มประตูและหน้าต่างพระวิหารหลวงเป็น ซุ้มทรงมงกุฎจอมแหประกอบลวดลายปูนปั้นปิดทองประดับกระจกลงสี เพื่อสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึงวิมานพระอินทร์


บานหน้าพระวิหาร โปรดสั่งทำลายแบบวัดสุทัศน์ คือมีลวดลายซับซ้อนเหมือนกันเพียงแต่คนละลาย



ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธปฏิมาที่สำคัญ คือ พระพุทธสิหังคปฏิมากร และพระนิรันตราย


พระพุทธสิหังคปฏิมากร

            พระพุทธสิหังคปฏิมากรเป็นพระประธานในพระวิหารหลวงเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หล่อจำลองมาจากพระพุทธสิหิงค์ในพระราชวังบวรสถานมงคล โดยหล่อจำลองขนาดใหญ่กว่าองค์จริง มีรายละเอียดที่แตกต่างกันเล็กน้อย คือ
                        บัวกระจังรองพระรัศมีคมชัด
                        พระเกตุมาลากลมกลืนกับพระเศียร
                        พระพักตร์แป้นน้อยกว่า
                        เส้นขอบจีวรและสังฆาฏิคมชัด
                        พระอูรุชันขึ้น
                        บัวฟันยักษ์นูนหนาแลดูมีมิติ
            



ที่พระพุทธอาสน์ของพระพุทธสิหังคประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


พระอัครสาวก

พระนิรันตราย

ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่า พระสงฆ์คณะธรรมยุติกนิกายที่พระองค์ทรงสถาปนานั้น แพร่หลายไพบูลย์มากขึ้น มีผู้มีทรัพย์และศรัทธาสร้างพระอารามถวายเป็นการเฉพาะแด่พระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติหลายพระอาราม จึงควรมีสิ่งอันสำคัญเพื่อเป็นที่ระลึกสืบไป ดังนั้น ในปีมะโรง พ.ศ. 2411 โปรดเกล้าฯ ให้ช่างหล่อพระพุทธรูปด้วยทองเหลืองกะไหล่ทอง นั่งขัดสมาธิเพชร พิมพ์เดียวกันกับพระพุทธรูปทองคำซึ่งสวมพระนิรันตราย แต่มีเรือนแก้วอยู่เบื้องหลังเป็นพุ่มพระมหาโพธิ์ มีอักษรขอมจำหลักลงไว้ในวงกลีบบัว เบื้องหน้า 9 เบื้องหลัง 9 แสดงพระพุทธคุณตั้งแต่ "อรหังสัมมาสัมพุทโธ" จนถึง "ภควา" ยอดเรือนแก้วมีรูปพระมหามงกุฏตั้งติดอยู่กับฐานชั้นล่าง รองฐานพระซึ่งเป็นที่สำหรับรับน้ำสรงพระ มีท่อเป็นรูปศีรษะโคแสดงเป็นที่หมายพระโคตร ซึ่งเป็นโคตมะ 
พระพุทธรูปซึ่งหล่อใหม่นี้มีจำนวน 18 องค์ เท่าจำนวนปีที่ดำรงสิริราชสมบัติ (พ.ศ. 2394 - พ.ศ. 2411) พระราชทานนามพระพุทธรูปทั้ง 18 องค์นี้ว่า "พระนิรันตราย" เช่นกัน
(จาก http://thaprajan.blogspot.com/2012/11/blog-post.html)





ฝาผนังตอนบนของพระวิหารหลวงเขียนภาพเทพชุมนุม โดยเทวดาแต่ละองค์จะมีรัศมีไม่เท่ากัน ซ฿่งปรากฎครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ ๔







ตอนล่างเขียนภาพพระราชพิธีสิบสองเดือน



ที่ปาสาณเจดีย์มีมุขประดิษฐานรูปหล่อของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ 
สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)

ในเขตสังฆาวาสยังมีปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ
ศาลาการเปรียญหลวง หรือ พระที่นั่งทรงธรรม

พระที่นั่งทรงธรรม หรือ การเปรียญ ของวัดราชประดิษฐ์ฯ ถือเป็นอาคารคอนกรีตสูงชั้นเดียว ที่สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างแบบไทยและแบบตะวันตกได้อย่างกลมกลืน ด้านล่างเป็นตึกแบบตะวันตกขนาดเล็ก เครื่องบนเป็นอาคารทรงโรงไม่มีมุขลด มุงกระเบื้องด้วยดินเผาสลับสีส้มเขียว แล้วปิดเครื่องมุงด้วยเครื่องลำยองแบบไทย หน้าบันไม้ตอนบนแกะสลักเป็นพระบรมราชสัญลักษณ์พระมหาพิชัยมงกุฎขนาบฉัตรประกอบอย่างงดงาม ตอนล่างเป็นรูปช้างเผือกทรงเครื่องเอี๊ยวศีรษะที่มีความสอดคล้องกับประวัติที่เคยกล่าวว่าพระที่นั่งทรงธรรมแต่เดิมเคยเป็นโรงช้างเผือก มีใบอะแคนธัสแบบตะวันตกต่างเรือนแก้วล้อมรอบกรอบ พื้นลายเป็นพุดตานใบเทศตามแบบพระราชนิยมที่สืบมาแต่รัชกาลที่ 3 ปิดทองประดับกระจก ส่วนภายในมีการตกแต่งด้วยศิลปะแบบตะวันตก ได้แก่ หน้าต่างโค้งแบบโค้งโรมัน เสาภายในมีบัวหัวเสาเป็นแบบศิลปะโครินเธียน เพดานตกแต่งด้วยไม้แกะลงรักปิดทองประดับกระจกสีต่างๆ อย่างประณีต เป็นลายเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ภายในพระที่นั่งทรงธรรมมีธรรมาสน์บุษบกหลังคาซุ้มยอดมงกุฎประดับดอกไม้ โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นที่สำหรับบำเพ็ญศีลภาวนาของเจ้านายฝ่ายใน


เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก


บุษบกธรรมาสน์ยอดมงกุฎ
              
        บุษบกธรรมาสน์ยอดมงกุฎชายดอกไม้ไหว ยอดของบุษบกจำลองมาจากพระมหาพิชัยมงุฎ เครื่องราชกกุธภัณฑ์เกือบเเทบทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนดอกไม้ไหว โดยเหมือนว่าผู้สร้างจะสร้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเนื่องด้วยไม่ได้มีการปรับแต่งรายละเอียดใดๆให้เปลี่ยนไปจากพระมหามงกุฎเลย เป็นบุษบกไม้จำหลักลงรักปิดทองประดับกระจก ฐานสิงห์เพิ่มมุมไม้สิบสองด้านหน้ายกเก็จเพื่อเป็นทางพระสงฆ์ขึ้นเทศน์บนธรรมาสน์

                                                     ฝาผนังตอนบนเขียนลายเทพชุมนุม




อ้างอิง
หนังสือราชประดิษฐ พิพิธทรรศนา ของ อ.พิชญา สุ่มจินดา
(จาก http://thaprajan.blogspot.com/2012/11/blog-post.html)




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จิตรกรรมซุ้มเรือนแก้วในคูหาปรางค์ทิศ วัดมหาธาตุ อยุธยา

งา นจิตรกรรมในคูหาปรางค์ ประจำทิศตะวันตกเฉียงเหนือ  วัดมหาธาตุ พระนครศรีอยุธยา  ผนังตรงด้านทางเข้าในคูหาปรางค์ประจำทิศตะวันตกเฉียงเหนือ วัดมหาธาตุ  ปรากฎเป็นภาพซุ้มเรือนแก้ว คาดว่าเขียนเป็นฉากหลังเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปด้านหน้า  ส่วนยอดของซุ้มเรือนแก้วเขียนพุ่มพระศรีมหาโพธิ์ประดับอยู่เพื่อแสดงถึงการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  เขียนขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น  ส่วนใหญ่ของภาพเขียนใช้สีดำ แดง และเขียวเป็นหลัก  กรอบด้านบนแถบกลางเขียนเป็นลายรักร้อยประดับลายพรรณพฤกษา ส่วนของงวงไอยราเขียนลายคล้ายมกรพ่นน้ำยอดกนกประดับดอกไม้ ส่วนพื้นหลังของเรือนแก้วเป็นช่องว่างเขียนสีแดง ตอนล่างของซุ้มเรือนแก้วลบเลือนหายไป   รอบๆเรือนแก้วด้านนอก เขียนลายดอกไม้ใบไม้ประดับ   ภาพลายเส้นซุ้มเรือนแก้ว คัดลอกโดย อ.เฟื้อ หริพิทักษ์  (ที่มา http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=1430743) สภาพจิตรกรรมในปัจจุบัน  (ที่มา  http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=1430742) ปรางค์ทิศภายในคูหามีจิตรกรรม  (ที่มา  http://...

เทพฮินดู ผู้พิทักษ์อุโบสถ : วัดสุทัศนเทพวราราม

พระอุโบสถของวัดสุทัศนเทพวราราม เป็นอาคารขนาดใหญ่ ก่ออิฐถือปูน เริ่มสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าบันพระอุโบสถเป็นไม้แกะสลัก ประดับกระจกสี รูปพระอาทิตย์นั่งในบุษบกบนราชรถเทียมด้วยราชสีห์ และ พระจันทร์ นั่งในบุษบกบนราชรถเทียมด้วยม้า ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระพุทธรูปหล่อสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ให้หล่อขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธานพระอุโบสถ เบื้องหน้าพระประธาน ประดิษฐานพระอสีติมหาสาวกปูนปั้นลงสี 80 องค์  บานประตูพระอุโบสถ วัดสุ ทัศนเทพว ราราม เขียนภาพจิตรกรรมเทพในศาสนาฮินดู ในบริบทของการเป็นเทพพิทักษ์ รักษาศา สนสถาน ไม่ให้ภ ยันอันตรายสิ่งร้ายเข้า มากร้ำ กลาย โดยบานประตูมีทั้งหมด 8 บานเขียนภาพเทพฮินดูทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องราวคล้ายกับการเขียนภาพเทพฮินดูบนบานหน้าต่างและบานประตูของพระอุโบสถ วัดบวรสถานสุทธาวาส พระราชวังบวรสถานมงคล แบ่งเป็นบานประตูด้านหน้า 4 บาน เขียนเป็นภาพ --  พระอิศวรปราบมหาไชยอสูร     พระอิศวรปราบมหาพลอสูร  -- พระอิศวรทรงจักรเพลิงปร...

เทวรูปพระปารวตี ศิลปะสุโขทัย

เทวรูปพระนางปารวตี                                  เทวรูปพระนางปารวตี                                   สัมฤทธิ์                                  ศิลปะสุโขทัย                                  อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๐                                  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร                                 เทวรูปพระนางปารวตีหรือพระอุมาที่รู้จักกันทั่วไป เป็นเป็นเทวรูปศิลปะสุโขทัย พระพักตร์เทวรูปมีความคล้ายคลึงกับพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยหมวดใหญ่  ...